ค้นหา

วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553

นวัตกรรมของ KDD



นวัตกรรมของ KDD



ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุค 1G หรือ “เจนเนอเรชันที่ 1 (First Generation)” คือโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นเก่าระบบอนาลอก (Analog) ที่มีน้ำหนักมาก และเสาอากาศที่ยาวเทอะทะ ซึ่งได้รับความนิยมมากในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุค 2G (Second Generation) ซึ่งถูกออกแบบให้มีการรับส่งสัญญาณเสียงเป็นหลัก และสามารถส่งผ่านข้อความเนื้อหาขนาดเล็กๆได้ เช่นระบบ GSM ส่วนระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2.5G เป็นระบบที่พัฒนามาจากระบบ 2G ซึ่งสามารถรับส่งข้อมูล ด้วยระดับความเร็วสูงสุดถึง 384 เมกะบิตต่อวินาที ซึ่งเป็นระบบที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันในประเทศไทย และเป็นระบบที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับระบบ Internet ได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่น GPRS และ EDGE ส่วนระบบ 3G ได้พัฒนาระบบให้สามารถรองรับการส่งข้อมูลแบบมัลติมีเดีย ด้วยระดับความเร็วสูงสุดถึง 2 เมกะบิตต่อวินาที และรองรับการให้บริการต่างๆ ทั้งหมดของโทรศัพท์ยุคก่อนๆ รวมไปถึงสมรรถนะและคุณภาพของการบริการมีมากขึ้น ภายในปี ค.ศ.2010 คาดการณ์กันว่าโลกจะเปลี่ยนไปจากเดิม ทั้งรูปแบบการดำเนินธุรกิจและรูปแบบการดำเนินชีวิต ซึ่งเป็นผลมาจากวิวัฒนาการของเทคโนโลยีด้านการสื่อสารและโทรคมนาคมที่มีการแข่งขันขององค์กรชั้นนำต่างๆ เช่น Nokia, Motorola, Samsung, China Telecom, NTT DoCoMo, หรือ Vodafone เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการอันหลากหลาย มุ่งสร้างความสะดวกสบาย ทันสมัย และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค องค์กรชั้นนำระดับโลกต่างๆ ดังกล่าว ต่างทุ่มทรัพยากรในการวิจัยและพัฒนา เพื่อนำโลกเข้าสู่การติดต่อสื่อสารในยุค 3G ที่ทำให้การติดต่อสื่อสารมีความรวดเร็วขึ้น สามารถสื่อสารถึงกันได้ทั้งในรูปแบบเสียง ข้อความ ภาพ เพลง และวีดีโอคลิป ซึ่งในอนาคตอีกไม่กี่ปี ถัดจากนี้ โลกจะสามารถสื่อสารกันได้แบบ Real time และ “Anywhere Anytime Anyone” หรือเรียกว่า Ubiquitous ซึ่งเป็นเทคโนโลยีด้านการสื่อสารและโทรคมนาคมในยุค 4G





ในเดือนตุลาคมปี 2001 ชาวญี่ปุ่นกว่า 130 ล้านคน ได้สัมผัสกับเทคโนโลยี 3G ครั้งแรกกับ “FOMA“ (ย่อมาจาก Freedom of Mobile Access) ของ NTT DoCoMo ซึ่งเป็นบริการที่สามารถใช้งานช้อปปิ้งออนไลน์ (Online shopping) วีดีโอโฟน (Video phone) การทำธุรกรรมต่างๆ (Trading) ผ่านโครงข่ายยุค 3G โดยใช้เทคโนโลยี WCDMA ซึ่งเป็นเทคโนโลยีของยุโรป ต่อมาในเดือนเมษายน ปี 2002 KDDI ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดของ Operators เป็นอันดับสองในประเทศญี่ปุ่นก็เริ่มเปิดให้บริการ โทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ CDMD2000-1x ซึ่งเป็นเทคโนโลยีของ Qualcomm สหรัฐอเมริกา ภายใต้แบรนด์ “au” และได้รับการตอบรับจากผู้ใช้เป็นอันมาก ส่งผลให้ปัจจุบัน KDDI มีจำนวนผู้ใช้บริการเป็นอันดับหนึ่งของเทคโนโลยียุค 3G ในประเทศญี่ปุ่น โดยรายงานตัวเลขล่าสุดในเดือนเมษายน ปี 2005 ระบุว่ามีผู้ใช้งาน เทคโนโลยี 3G ของ KDDI มากเป็นอันดับหนึ่ง ประมาณ 18.3 ล้านคน อันดับสอง คือ NTT DoCoMo ประมาณ 12.2 ล้านคน และอันดับสาม คือ Vodafone ประมาณ 1 ล้านคน เทคโนโลยีในยุคดิจิตอล ก่อให้เกิดการพัฒนารูปแบบสินค้าและบริการต่างๆ มากมาย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และสอดคล้องกับรูปแบบการดำเนินชีวิตในปัจจุบันและอนาคต KDDI นับเป็นบริษัทผู้ให้บริการระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีรูปแบบบริการที่มีความหลากหลาย เช่น ความสามารถใช้งานท่องอินเตอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือ, บริการช้อปปิ้งออนไลน์, วีดีโอโฟน, การทำธุรกรรมต่างๆ และการติดต่อสื่อสารภายในองค์กร (Corporate Intranet) ผ่านโครงข่ายยุค 3G โดยใช้เทคโนโลยี CDMA2000 1x ที่มีความสามารถในการส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง และมีความปลอดภัยในการใช้งาน บริษัท KDDI นับว่าประสบความสำเร็จทางธุรกิจ Mobile Internet ได้ในเวลาอันสั้น ซึ่งเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจสำหรับ Operators ผู้ให้บริการรายต่างๆ ทั่วโลก ที่มีการปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างทันกาล และเหมาะสมกับสถานการณ์แข่งขัน โดยเฉพาะเป็นกรณีศึกษาตัวอย่างของ Operators ในประเทศไทย เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนารูปแบบบริการใหม่ๆ ที่สามารถสร้างรายได้จากบริการด้านข้อมูล (Non-voice service) เพื่อทดแทนรายได้จากบริการด้านเสียง (Voice service) ที่มีแนวโน้มลดลงเพื่อให้องค์กรสามารถดำรงอยู่รอด และแข่งขันได้ในระดับโลก ในอนาคตอันใกล้ บริษัท KDDI ซึ่งกำลังดำเนินการวิจัยและพัฒนา เพื่อนำพาองค์กรก้าวเข้าสู่การให้บริการในยุค 4G โดยได้กำหนดวิสัยทัศน์แห่งการเป็น “Ubiquitous Network Society” ด้วยสโลแกนว่า “Anytime, Anywhere, Access Any Information” คงจะสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดได้มากขึ้น ซึ่งเมื่อพิจารณาโครงการที่อยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนา (Research & Development) ของ KDDI แล้ว พบว่า มีการวิจัยและพัฒนาครอบคลุมทุกๆ ด้าน อาทิ บริการด้านมัลติมีเดีย (Multimedia Applications) โครงข่ายการเชื่อมโยงด้วยบรอดแบนด์ (Broadband Access and Network Infrastructure) ระบบการสื่อสารไร้สายด้วยความเร็วสูงขึ้น (Next Generation Mobile Communications) ความปลอดภัยในการใช้งาน (Security) การสื่อสารแบบ Real time ในยุค 4G (Ubiquitous Communications) โทรศัพท์เคลื่อนที่ในยุค 4G จะมีความสามารถและสมรรถนะสูงมาก ในระดับที่สามารถชมภาพวิดีโอกันแบบสดๆได้ พร้อมคุณภาพระดับ DVD ตามการเปิดเผยของซัมซุงฯ เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จ ทางซัมซุงฯได้เพิ่มบุคลากรในแผนกอาร์แอนด์ดี ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบ 4G แล้ว มีการคาดหวังถึงความสะดวกสบายและประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับเมื่อบริการ M-Commerce บนระบบ 4G จะเป็นที่ยอมรับและแพร่หลาย ทำให้เกิดแนวคิดมากมายในการทำ M-Commerce เข้ามาใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์สูงสุด เช่นแนวคิดเกี่ยวกับการกระจายข้อมูลออกไปในระยะใกล้ โดยมีเป้าหมายคือผู้บริโภคที่อยู่ในบริเวณนั้นๆ ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณเดินผ่านร้านขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ คุณอาจจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่ ๆ ที่มีจำหน่ายในร้าน และคุณก็สามารถที่จะตรวจสอบราคาสินค้า เปรียบเทียบราคากับร้านอื่นๆ เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกที่สุด หรือเมื่อคุณนั่งรถไฟฟ้าผ่านสถานที่ท่องเที่ยว โทรศัพท์เคลื่อนที่4G ของคุณก็จะได้รับแผนที่อิเล็กทรอนิกส์ของบริเวณนั้นบนจอของคุณ อีกทั้งข้อความโฆษณาของโรงแรมหรือที่พักที่อยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวนั้น ๆ เป็นต้น


KDDI จึงเป็นทั้งผู้สร้างและให้บริการสื่อสารข้อมูลผ่านเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ และมีการวิจัยและพัฒนาเพื่อสรรหาบริการเสริมต่างๆ (Value Added Service) เป็นการกระตุ้นให้ผู้บริโภคมีพฤติกรรมใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่มากขึ้น ในขณะที่อัตราค่าบริการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ ไม่ว่าจะเป็นค่าบริการรายเดือนหรือค่าใช้โทรศัพท์นั้นมีแต่จะลดลงเรื่อย ๆ ตามสภาวะการแข่งขันทางการตลาด ที่เกิดขึ้นกับ Operators ต่างๆ ทั่วโลก เช่น กรณีสงครามด้านราคาระหว่างผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 3 รายในประเทศไทย ส่งผลให้ Operators ต่างต้องมีการปรับตัวเพื่อการแข่งขันและอยู่รอด KDDI ตระหนักดีว่าวิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีการสื่อสารและโทรคมนาคมในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีบางอย่างอาจมีอายุเพียงแค่ชั่วขณะ และถูกแทนที่โดยเทคโนโลยีอื่นๆ ที่โดดเด่น ก้าวล้ำนำสมัยกว่า ดังนั้น KDDI จึงมุ่งมั่นทำการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างนวัตกรรม โดยให้ความสำคัญต่อการจัดตั้งศูนย์วิจัย และพัฒนาของตนเองร่วมกับให้ความร่วมมือกับองค์กรอื่นๆ ทั้งภายในและต่างประเทศ เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการอย่างเป็นระบบอันจะนำมาซึ่งความได้เปรียบในการแข่งขันและก้าวตามทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยมีการคำนึงถึงปัจจัยด้านต้นทุน และความสามารถในการจัดการ เพื่อนำเสนอเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแก่ลูกค้า ณ ราคาที่เหมาะสม อุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วและรุนแรง วงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มีอายุสั้นมาก มีการแข่งขันกันออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้ผู้ผลิตและผู้ให้บริการต้องหาทางปรับตัวและพัฒนาความสามารถทางการแข่งขัน ผู้ผลิตต้องพยายามคิดค้นประดิษฐ์กรรมใหม่ ที่หลากหลาย เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่กำลังก้าวย่างเข้าสู่ Economy of Scope ซึ่งจำเป็นต้องใช้เงินทุนในการสนับสนุนเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D)








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น